- 05/08/2025
หากคุณยังมองเห็นไม่ชัดทั้งที่ใส่แว่นแก้ไขสายตาแล้ว หรือรู้สึกว่าตาข้างหนึ่งมองเห็นได้ไม่เต็มที่ มีการเห็นภาพมัวกว่าอีกข้าง อาการแบบนี้อาจไม่ใช่แค่ปัญหาสายตาทั่วไป แต่อาจเกี่ยวกับภาวะที่เรียกว่า “ตาขี้เกียจ” หรือ Lazy eye ที่ต้องรีบรักษาให้ทันอย่างถูกต้องตั้งแต่อายุยังไม่มาก ในบทความนี้หมอปูจะมาเล่าให้ฟังว่าโรคตาขี้เกียจคืออะไร เกิดจากอะไร รักษาได้ไหม แล้วถ้าอยากทำเลสิคจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า
ตาขี้เกียจ (Lazy eye) คืออะไร?
ตาขี้เกียจ หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Amblyopia คือภาวะที่ตาข้างใดข้างหนึ่ง (หรือบางคนก็เป็นทั้งสองข้าง) มองเห็นไม่ชัด แม้ดวงตาจะดูปกติดีจากภายนอก สาเหตุเกิดจากการที่ ดวงตาทั้ง 2 ข้างมีการทำงานไม่เท่ากัน เพราะในช่วงที่ระบบการมองเห็นกำลังพัฒนา อาจมีบางอย่างรบกวน เช่น ตาเข หนังตาปิด หรือค่าสายตาสองข้างต่างกันมาก เมื่อสมองรับรู้ภาพที่เบลอหรือไม่ชัดจากตาข้างหนึ่ง สมองจึงเลือกใช้งานตาข้างที่เห็นชัดกว่าแทน และค่อยๆ ละเลยการใช้ตาข้างที่มองภาพไม่ชัดในที่สุด จึงเกิดเป็นอาการ “ตาขี้เกียจ”ตาขี้เกียจเกิดขึ้นได้กับอายุเท่าไหร่บ้าง?
โรคนี้มักเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะ อายุ 0–7 ปี ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของการพัฒนาระบบการมองเห็น ถ้าตรวจพบและรักษาได้ทันในช่วงนี้ โอกาสที่จะฟื้นฟูการมองเห็นของตาข้างที่อ่อนแอจะสูงมาก แต่หากไม่ได้รับการรักษา หรือไม่รู้ตัวจนโตเป็นผู้ใหญ่ โอกาสในการรักษาให้ดีเท่าเดิมจะลดลงอย่างมาก เพราะสมองปรับตัวไปแล้วว่าจะไม่ใช้ตาข้างนั้น แม้ในวัยผู้ใหญ่บางคนจะยังพอมีโอกาสพัฒนาได้บ้าง แต่การรักษาจะต้องใช้วิธีที่เฉพาะทาง และผลลัพธ์จะไม่ดีเท่าช่วงวัยเด็ก
สาเหตุของโรคตาขี้เกียจ
สาเหตุหลักของโรคนี้แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่:
1. ตาเข (Strabismus)ตาสองข้างไม่มองไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้สมองสับสนว่าจะเลือกภาพจากข้างไหน จึงเลือกใช้ตาข้างที่ตรง และละเลยข้างที่เข
2. ค่าสายตาทั้ง 2 ข้างต่างกันมาก (Anisometropia)ถ้าคนไข้มีสายตาสองข้างที่ต่างกันมาก สมองมักจะเลือกใช้ข้างที่เห็นชัด และเพิกเฉยต่อข้างที่มองไม่ชัด
3. มีสิ่งกีดขวางการมองเห็น (Visual Deprivation)เช่น เปลือกตาปิด หนังตาตก ต้อกระจกในเด็กทำให้แสงเข้าไปยังจอประสาทตาไม่ได้ จึงทำให้การพัฒนาการมองเห็นถูกรบกวน
วิธีรักษาโรคตาขี้เกียจ
การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและช่วงวัย โดยแนวทางหลักๆ ได้แก่:
ช่วยแก้ไขค่าสายตา เพื่อให้ตาทั้งสองข้างรับภาพชัดเท่ากัน ลดการละเลยจากสมอง
วิธีมาตรฐาน คือการใช้แผ่นปิดตาข้างที่มองเห็นดี เพื่อให้สมอง “ถูกบังคับ” ให้ใช้งานตาข้างที่อ่อนแอมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการฝึกใช้งานและพัฒนา
ในผู้ใหญ่บางรายหรือเด็กโต อาจเลือกใช้คอนแทคเลนส์เพื่อปรับความคมชัดในระดับที่เหมาะสมกับการฝึกสายตา
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้ ยาหยอดตาประเภทขยายม่านตา กับตาข้างที่มองเห็นชัดเมื่อม่านตาขยาย ภาพที่เห็นจากตาข้างนั้นจะเบลอขึ้น สมองจึงถูกกระตุ้นให้หันมาใช้ภาพจากตาข้างที่มองไม่ชัดแทน
ตาขี้เกียจทำเลสิคได้ไหม? ช่วยรักษาได้หรือเปล่า?
“ช่วยทำให้มองเห็นภาพชัดขึ้นได้ จากการแก้ไขค่าสายตา แต่ไม่ใช่วิธีทำให้สามารถหายขาด ”เลสิค (LASIK) เป็นการปรับผิวกระจกตาเพื่อแก้ค่าสายตา เช่น สั้น ยาว หรือเอียง หากคนไข้มีอาการตาขี้เกียจและมีค่าสายตาผิดปกติร่วมด้วย การทำเลสิคจะช่วยให้ตาข้างนั้นรับภาพได้ชัดเจนขึ้นแต่ถ้าสมองยัง “เพิกเฉย” ต่อภาพจากตาข้างนั้นอยู่ ก็ยังคงมีอาการตาขี้เกียจอยู่ดี
โรคตาขี้เกียจเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทการมองเห็น ไม่ใช่ปัญหาของเลนส์ตาโดยตรงต่างจากสายตาที่เกิดจากการหักเหของแสงผิดปกติและสามารถแก้ได้ด้วยเลสิค ดังนั้น การทำเลสิคเพื่อรักษาโรคตาขี้เกียจ จึงมีส่วนช่วยได้น้อย หรืออย่างมากที่สุด ก็ช่วยให้มองเห็นได้ดีใกล้เคียงกับการใช้แว่นตา หรือคอนแทคเลนส์ที่ใช้อยู่ แต่ไม่สามารถรักษาให้โรคนี้หายไปได้ตาขี้เกียจในผู้ใหญ่ มีทางรักษาไหม?
ยังมีทางค่ะ ในบางกรณี แต่ยากกว่าการรักษาในเด็กและเป็นไปได้น้อย
ผู้ใหญ่สามารถใช้การฝึกสายตา หรือปรับค่าสายตาให้เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้สมองเริ่มกลับมาใช้งานตาข้างที่ขี้เกียจ การรักษาอาจใช้เวลานาน และไม่ได้ผลลัพธ์เหมือนในเด็ก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
สรุปโรคตาขี้เกียจ
โรคตาขี้เกียจไม่ใช่โรคที่ควรมองข้าม และการรักษาไม่ควรเริ่มต้นจากเลสิคเสมอไป การเข้าใจธรรมชาติของโรค รู้จักวิธีป้องกัน และเลือกการรักษาที่เหมาะสมตามช่วงวัย จะช่วยให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
ถ้าคุณสงสัยว่าตัวเองเป็นตาขี้เกียจ หรืออยากรู้ว่าทำเลสิคได้ไหม หมอปู โปรดปรานเลสิค แนะนำให้ “ตรวจตาอย่างละเอียด” และคุยกับจักษุแพทย์ก่อน เพื่อวางแผนการรักษาที่ปลอดภัยและตรงจุดค่ะ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1 : ตาขี้เกียจหายขาดได้ไหม?หายได้ค่ะ โดยเฉพาะถ้าตรวจพบและเริ่มรักษาตั้งแต่ยังเด็กโอกาสที่จะฟื้นฟูการมองเห็นกลับมาใกล้เคียงปกตินั้นจะสูงมากหากเริ่มรักษา ก่อนอายุประมาณ 7–8 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบการมองเห็นของสมองยังพัฒนาได้ดี
Q2 : รักษาแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นอีกไหม?ถ้าไม่ติดตามต่อเนื่อง หรือละเลยการดูแล อาการอาจกลับมาได้ โดยเฉพาะในเด็กที่หยุดรักษาก่อนเวลา
Q3 : ทำเลสิคแล้ว ตาขี้เกียจจะหายไหม?ไม่สามารถหายได้จากการทำเลสิค แต่ช่วยให้ภาพชัดขึ้นใกล้เคียงกับการใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์
Q4 : ตาขี้เกียจต้องรักษานานแค่ไหน?แล้วแต่ช่วงวัยและความรุนแรง เด็กบางคนอาจใช้เวลาไม่กี่เดือน ผู้ใหญ่บางรายอาจใช้เวลาเป็นปี
Q5 : ตาขี้เกียจ ป้องกันได้ไหม?ได้ค่ะ ด้วยการตรวจตาเด็กตั้งแต่อายุยังน้อย และแก้ไขค่าสายตาที่ผิดปกติทันที


